- ทำไมปี 2023 จึงยังคงเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย? - December 25, 2023
- 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยๆในการวิเคราะห์ผลการลงทุน - September 13, 2020
- พิสูจน์ความอันตรายของการเก็งกำไรระยะสั้นด้วยทฤษฎี Risk of Ruin - July 19, 2020
คุณกำลังขาดทุนอย่างหนักกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ใช่ไหม? ไม่ต้องท้อแท้กันจนเกินไปนะครับ! เพราะนั่นคือสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างก็กำลังต้องเผชิญกันอยู่!! (ไม่ว่าเขาจะยอมรับกับคุณหรือไม่ก็ตาม) โดยในบทความนี้เราจะมาทำการรีวิวถึงผลตอบแทนของหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทย ที่จะทำให้คุณได้เข้าใจถึงเหตุผลและความยากลำบากของการลงทุนในปีนี้ รวมไปถึงการประมาณการผลตอบแทนของนักลงทุนส่วนใหญ่ในปี ค.ศ. 2023 นี้ ด้วยมุมมองจาการลงทุนอย่างเป็นระบบเชิง Quantitative & Systematic Investing อย่างเป็นรูปธรรมกันครับ! 😀
สภาวะตลาดที่ย่ำแย่ คือสิ่งที่มีผลกระทบต่อผลตอบแทนของนักลงทุนส่วนใหญ่ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้!
ผมเชื่อว่าในขณะนี้นั้น น่าจะมีนักลงทุนหลายๆท่านที่อาจกำลังเครียดหรือท้อแท้ใจกับผลการลงทุนในปี ค.ศ. 2023 นี้กันอยู่พอสมควร 😂 อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผมและทีมงาน SiamQuant ได้ทำการรีวิวและตรวจสอบข้อมูลเชิงปริมาณในแง่มุมต่างๆของตลาดหุ้นไทย รวมไปถึงผลตอบแทนกลยุทธ์การลงทุนในรูปแบบต่างๆกันไปเรียบร้อยแล้วนั้น ผมจึงอยากจะบอกกับทุกๆคนว่า … ความจริงแล้ว คุณอาจไม่ควรที่จะต้องโทษตัวเองเกินไปกับผลตอบแทนที่เกิดขึ้นในปีนี้สักเท่าไหร่นัก!
ทำไมน่ะหรือครับ? … นั่นก็เพราะจากสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก, ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศและต่างประเทศ และผลกระทบที่ยังคงค้างคาของโรคระบาด Covid-19 ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2020 และยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ได้ทำให้ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากในการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง
โดยหนึ่งในสภาวะหรือเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดในการทำกำไรของกลยุทธ์การลงทุนหลายๆรูปแบบนั้น ก็คือสภาวะตลาดหุ้นในภาพรวมที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ซึ่งเราจะสามารถสังเกตุได้ง่ายๆจากค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนของหุ้นส่วนใหญ่ของตลาดกันนั่นเอง (Overall Stocks Average Return) โดยหากว่าค่าเฉลี่ยผลตอบแทนของหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดเป็นบวกนั้น เราก็มักพบว่าผลตอบแทนของกลยุทธ์การลงทุนส่วนใหญ่ก็จะเป็นบวก และติดลบเมื่อค่าเฉลี่ยของหุ้นส่วนใหญ่ติดลบด้วยเช่นเดียวกันนั่นเอง!
ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทยจึงมักรู้สึกหมดหวังกับการลงทุนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยเราจะเห็นถึงสัจธรรมในข้อนี้ได้อย่างชัดเจนจากกราฟแสดงความสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนจากหุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้นไทย กับค่าเฉลี่ยผลตอบแทนของกลยุทธ์การลงทุนชื่อดังกว่า 36 รูปแบบในตลาดหุ้นไทย ภายใต้บริการ SiamQuant AlphaSuite ที่ถือเป็นตัวแทนของกลยุทธ์การลงทุนประเภทต่างๆที่ได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวาง อาทิเช่น กลยุทธ์การลงทุนเชิงคุณค่า (Value Investing), กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นเติบโต (Growth Investing), กลยุทธ์การลงทุนตามแนวโน้ม (Trend Following) หรือกลยุทธ์การลงทุนแบบผสมผสาน (Hybrid Investing)
ภาพที่ 1 : Box Plot แสดงการกระจายตัวของผลตอบแทนจากลยุทธ์การลงทุน AlphaSuites 36 รูปแบบในแต่ละปี (Strategies Yearly Returns Box plot) ตั้งแต่ปี 1997-2023 เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยผลตอบแทนจากหุ้นทุกตัวในตลาด (All Stocks Yearly Returns เส้นสีน้ำเงิน)
หมายเหตุที่ 1 : เราเลือกใช้ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนจากหุ้นทั้งตลาด แทนผลตอบแทนของดัชนี SET Index เนื่องจาก SET Index มักสะท้อนผลตอบแทนของหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดเสียเป็นส่วนใหญ่ นักลงทุนสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
SET Index ไม่ใช่ตัวชี้วัดผลการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับคุณเสมอไป : SET Equal Weighted Index ดัชนี Benchmark ทางเลือกสำหรับนักลงทุนไทย : |
ผลการประมาณการผลตอบแทนของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย จากกลยุทธ์การลงทุนต้นแบบและผลการจำลองพอร์ตโฟลิโอด้วยการสุ่มกว่า 10,000 รูปแบบในปี ค.ศ. 2023
เพื่อการคาดการณ์ถึงผลตอบแทนของนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทยนั้น เราได้ทำการตรวจสอบถึงผลตอบแทนของกลยุทธ์การลงทุนต้นแบบจากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลกในตลาดหุ้นไทย ภายใต้บริการ SiamQuant AlphaSuites โดยมีเงื่อนไขและข้อกำหนดในการทดสอบวิจัยที่เทียบเคียงได้กับพอร์ตโฟลิโอขนาดเล็กของนักลงทุนรายย่อย (ใส่เฉพาะเงื่อนไข Commission + Slippage แต่ยังไม่ใส่ผลกระทบของขนาดพอร์ตและสภาพคล่องของหุ้น) โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ผลตอบแทนของหุ้นในตลาดหุ้นไทยในปี ค.ศ. 2023
Stock Yearly Return | |
# Number of Stocks | 812 |
Average | -22.55% |
Median | -25.21% |
Minimum | -93.84% |
Maximum | 336.84% |
STDev | 27.75% |
ภาพที่ 2 และตารางที่ 1 : สถิติการกระจายตัวของผลตอบแทนของหุ้นในตลาดหุ้นไทย ในปี ค.ศ. 2023
โดยเราพบว่าหุ้นส่วนใหญ่กว่า 86% ในตลาดหุ้นไทยให้ได้ผลตอบแทนที่ติดลบ โดยมีค่าเฉลี่ยผลตอบแทนอยู่ที่ราว -22.55% เลยทีเดียว โดยที่ดัชนี SET Index ซึ่งถือเป็นตัวแทนของหุ้นขนาดใหญ่นั้นติดลบอยู่ที่ราว -16.64% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะตลาดหุ้นไทยที่ย่ำแย่อย่างชัดเจนในปี ค.ศ. 2023
ผลตอบแทนของกลยุทธ์การลงทุนที่มีชื่อเสียงกว่า 36 กลยุทธ์ ในปี ค.ศ. 2023
เพื่อการคาดการณ์ถึงผลตอบแทนของนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทยนั้น เราได้ทำการตรวจสอบถึงผลตอบแทนของกลยุทธ์การลงทุนต้นแบบจากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลกในตลาดหุ้นไทย ภายใต้บริการ SiamQuant AlphaSuites โดยมีเงื่อนไขและข้อกำหนดในการทดสอบวิจัยที่เทียบเคียงได้กับพอร์ตโฟลิโอขนาดเล็กของนักลงทุนรายย่อย (ใส่เฉพาะเงื่อนไข Commission + Slippage แต่ยังไม่ใส่ผลกระทบของขนาดพอร์ตและสภาพคล่องของหุ้น) โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
Condition | Details |
Backtesting Window |
|
Backtesting Restriction |
|
Universe |
|
Entry |
|
Exit |
|
Position Size |
|
Position Score |
|
Order Management |
|
หมายเหตุที่ 2 : สำหรับกลยุทธ์ที่นำมาแสดงในบทความชิ้นนี้ เป็นกลยุทธ์การลงทุนภายใต้บริการ AlphaSuite ทั้งหมด ยกเว้นกลยุทธ์ที่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่เป็นบวก (Positive Returns) ได้ในช่วงระยะเวลาที่ทำการทดสอบ เช่น กลยุทธ์การลงทุน SQ Simple MACD, SQ OOPs และ SQ Turtle Trading Signals ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น โดยการเทรดในระดับความถี่ที่สูงมากจะทำให้ระบบการลงทุนเหล่านี้ถูกค่าคอมมิสชั่นและสลิปเพจกัดกินผลตอบแทนจนก่อให้เกิดผลที่ติดลบ นอกจากนี้ สำหรับกลยุทธ์ที่มีการซื้อขายน้อยมากเนื่องจากเงื่อนไขการคัดกรองหุ้นที่มากจนเกินไป เช่น กลยุทธ์การลงทุน CANSLIM ซึ่งตลอดช่วงระยะเวลาการทดสอบราวๆ 26 ปีกว่านั้นกลยุทธ์มีการซื้อขายทั้งสิ้นเพียง 51 ครั้ง เราก็จะคัดกรองออกไปด้วยเนื่องจากผลตอบแทนที่เกิดขึ้นเป็นผลตอบแทนจากการถือครองเงินสดเป็นสัดส่วนหลักของพอร์ตโฟลิโอนั่นเอง |
ตารางที่ 2 : ตารางแสดงผลตอบแทนของกลยุทธ์การลงต้นแบบจากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลกในตลาดหุ้นไทย ภายใต้บริการ SiamQuant AlphaSuites ในปี ค.ศ. 2023
SQ AlphaSuites | Yearly Return | Drawdown | Drawdown Length (Bars) |
#Strategies | 36 | 36 | 36 |
Average | -18.60% | -43.18% | 1289.83 |
Median | -20.44% | -40.81% | 605.5 |
Minimum | -43.77% | -80.94% | 123 |
Maximum | -2.10% | -13.32% | 4905 |
STDev | 9.47% | 18.10% | 1049.74 |
ตารางที่ 3 : สถิติผลตอบแทนรายปี (Yearly Return), อัตราการถดถอย (Drawdown) และระยะเวลาในการถดถอย (Drawdown Length) ของของกลยุทธ์การลงต้นแบบจากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลกในตลาดหุ้นไทย ภายใต้บริการ SiamQuant AlphaSuites ในปี ค.ศ. 2023
โดยจากข้อมูลข้างต้นนั้น เราจะสังเกตได้ว่ากลยุทธ์การลงทุนกว่า 36 รูปแบบได้ให้ผลตอบแทนติดลบทั้งหมดภายในปีนี้! โดยมีผลตอบแทนรายปีหรือ Yearly Return ที่ติดลบเฉลี่ยถึงราว -20.44% และมีอัตราการถดถอยในปัจจุบันหรือ Drawdown โดยเฉลี่ยอยู่ที่ราว -40.81% อีกทั้งยังมีระยะเวลาในการถดถอยหรือ Drawdown Length ยาวนานโดยเฉลี่ยถึงราว 605 วันทำการ หรือพูดง่ายๆว่าพอร์ตโฟลิโอของกลยุทธ์การลงทุนส่วนใหญ่นั้นไม่สามารถที่จะกลับขึ้นไปมีมูลค่ามากกว่าเดิมมาเกือบ 3 ปีเลยทีเดียว! เราจึงถือได้ว่าในขณะนี้นั้น มันถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างปฎิเสธไม่ได้!!
ผลตอบแทนของการจำลองพอร์ตโฟลิโอด้วยการสุ่มกว่า 10,000 รูปแบบ ในปี ค.ศ. 2023
นอกเหนือจากผลตอบแทนกลยุทธ์ต้นแบบกว่า 36 รูปแบบในข้างต้นนั้น เรายังได้สร้างพอร์ตโฟลิโอจำลองด้วยการถือหุ้นแบบสุ่ม (Random Rotational Portfolio) ตามช่วงระยะเวลาต่างๆด้วยการสับเปลี่ยนหุ้นรายเดือน (Monthly), รายไตรมาส (Quarterly), รายครึ่งปี (Half-Year) และรายปี (Yearly) เพื่อเป็นตัวแทนของนักลงทุนประเภทต่างๆนอกเหนือไปจากกลยุทธ์ที่ได้กล่าวถึงในข้างต้น ภายใต้การทดสอบในระดับเดียวกัน ได้ให้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้
Portfolio Returns (%) | Monthly | Quarterly | Half-Year | Yearly |
#Portfolio | 10,000 | 10,000 | 10,000 | 10,000 |
Average | -37.45% | -29.77% | -26.12% | -26.10% |
Median | -37.48% | -29.70% | -26.82% | -26.10% |
Minimum | -45.20% | -37.88% | -36.29% | -34.69% |
Maximum | -24.99% | -16.16% | -16.46% | -14.71% |
STDev | 4.03% | 3.99% | 4.21% | 4.09% |
ภาพที่ 3 และตารางที่ 4 : ภาพการกระจายและค่าสถิติเชิงของผลตอบแทนประจำปี ค.ศ. 2023 จากพอร์ตโฟลิโอแบบหมุนเวียนหลักทรัพย์แบบสุ่มตามช่วงระยะเวลาต่างๆ
โดยผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2023 นี้นั้น ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพอร์ตโฟลิโอจำลองตามระยะเวลาในการสับเปลี่ยนหุ้นต่างๆกว่า 10,000 รูปแบบเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ได้ให้ผลตอบแทนที่ติดลบด้วยกันทั้งสิ้น! โดยพอร์ตโฟลิโอที่มีการซื้อขายที่ถี่มากๆนั้นมีแนวโน้มที่จะมีระดับผลตอบแทนที่ย่ำแย่กว่าเนื่องจากผลกระทบจากต้นทุนการซื้อขายหรือ Slippage ที่มีผลต่อพอร์ตโฟลิโอนั่นเอง (การทดสอบในครั้งนี้ใส่ยังไม่ได้ใส่ผลกระทบของขนาดพอร์ตและสภาพคล่องของหุ้นลงไป ดังนั้นแล้วผลตอบแทนจริงของนักลงทุนส่วนใหญ่จึงอาจย่ำแย่กว่าผลจำลองนี้ได้ไม่ยากนัก)
เราต้องอยู่ให้รอดในตลาดที่ย่ำแย่ เพื่อรอคอยการทำกำไรเมื่อตลาดได้กลับมาเอื้ออำนวยอีกครั้งหนึ่ง
สุดท้ายนี้นั้น แม้ว่ามันอาจจะฟังแล้วดูเจ็บปวดสักเท่าไหร่ แต่ผมก็คงจะต้องขอบอกกับทุกท่านอีกครั้งหนึ่งว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมีความสามารถและมีประสบการณ์ในการลงทุนมากสักแค่ไหนนั้น หากว่าคุณยังคงต้องเผชิญกับสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยในการลงทุนอยู่ มันก็ย่อมที่จะเป็นไปได้ยากที่คุณจะสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างเป็นกอบเป็นกำขึ้นมาท่ามกลางสภาวะเหล่านั้น
ซึ่งอันที่จริงแล้วนั้น นักลงทุนชั้นเซียนระดับโลกส่วนใหญ่ที่เรารู้จักหรือเคยได้ยินชื่อ ก็ล้วนแล้วแต่เคยต้องเผชิญกับช่วงเวลาของตลาดที่โหดร้ายเช่นเดียวกันกับพวกเรามาแล้วทั้งสิ้น (อ่านเพิ่มเติม : ถอดรหัสผลตอบแทน โคตรตำนานเซียนหุ้นระดับโลก!) ดังนั้นแล้ว ผมจึงคิดว่านักลงทุนเองจึงอาจไม่ควรที่จะต้องรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังและโทษตัวเองกับผลการลงทุนในปีนี้จนมากเกินไปนัก เพราะสัจธรรมของตลาดหุ้นที่เราได้มาพิสูจน์ในวันนี้กันนั่นก็คือ การทำกำไรก้อนโตได้อย่างงดงามนั้นจะเป็นไปแทบไม่ได้เลยหากสภาวะตลาดนั้นไม่เอื้ออำนวยนั่นเอง
นักลงทุนที่มีความเก่งกาจอย่างแท้จริงนั้น คือนักลงทุนที่สามารถจะใช้ประโยชน์จากสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวยได้อย่างเหมาะสม และสามารถปกป้องตนเองไม่ให้ขาดทุนอย่างหนักจนมากเกินไปในช่วงเวลาที่สภาวะตลาดนั้นย่ำแย่และโหดร้าย โดยคุณควรจะต้องเข้าใจถึงสัจธรรมที่ว่า “การตกปลาในเวลาที่ไม่มีปลานั้นย่อมไม่ได้ปลา” และคุณควรจะต้องเรียนรู้ที่จะเป็นดังวลีที่ว่า “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” เพื่อเฝ้ารอโอกาสทำกำไรในวันที่ท้องฟ้าเปิดอีกครั้งหนึ่งในที่สุด
ผมเองหวังว่าปีหน้าจะเป็นปีที่สดใสของตลาดหุ้นไทยกันขึ้นบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ และหวังว่าสถิติค่าเฉลี่ยผลตอบแทนของหุ้นไทยทั้งตลาดนั้นจะยังคงติดลบอย่างต่อเนื่องไม่เกิน 2 ปีอยู่เช่นเคย! เพื่อให้พวกเราทุกคนได้หายใจโล่งปอดกันขึ้นกันสักหน่อย
ด้วยความปรารถนาดีจากผมและทีมงาน SiamQuant ทุกคนครับ 😃
“My financial success stands in stark contrast with my ability to forecast events. Good investing is boring. Survive first and make money afterwards.” — George Soros