องค์ความรู้จากการลงทุนอย่างเป็นระบบ

Jeff Bezos และวิธีการรับมือที่ดีที่สุด กับตลาดหุ้นที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา!

มด แมงเม่าคลับ
ติดตามผม

หลังจากที่ตลาดหุ้นได้ดำดิ่งลงอย่างหนัก และเด้งขึ้นมาอย่างรุนแรงในช่วงไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2020 นี้ ผมก็ค่อยๆได้รับคำถามจากเพื่อนนักลงทุนหลายคนว่าตลาดจะเป็นอย่างไรต่อไป และพวกเค้าควรจะเลือกลงทุนในหุ้นตัวไหนดี เพื่อที่จะได้กำไรกลับมาท่ามกลางความผันผวนของตลาดที่รุนแรงแบบนี้?

อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่านี่เป็นคำถามที่จะไม่ได้ช่วยให้เราได้รับผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาวกันสักเท่าไหร่นัก นั่นก็เพราะการทำนายตลาดหุ้นหรือพยายามหาหุ้น Super Stock ตัวต่อไปนั้น เป็นสิ่งยากมากๆและที่มีเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังถือว่าเป็นปลายทางของกระบวนการลงทุนที่ดีกันอีกด้วย!

ดังนั้น ในบทความนี้ผมจึงอยากที่จะมาแบ่งปันวิธีการที่ดีกว่าในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว อีกทั้งยังจะช่วยให้พวกเราทุกคนสามารถลงทุนได้อย่างมีความสุขกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นก็คือ …

Focus On What Won’t Change – จงพยายามมองหาสิ่งที่น่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปในตลาดหุ้นกันดีกว่าครับ!

ใช่ครับ ผมกำลังบอกว่าเราควรเลิกวิ่งไล่ตามความเปลี่ยนแปลงที่เปลือกนอก ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไรในอีก 3 เดือน, 1 ปี หรือ 3 ปีข้างหน้า รวมไปถึงการพยายามหาคำตอบที่ว่าคุณควรจะซื้อหุ้นตัวไหน เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นใดๆของตลาดก็ตาม โดยในทางกลับกันนั้น ผมอยากให้คุณจงพยายามมุ่งตั้งคำถามว่า “อะไรคือสิ่งที่จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปตามความผันผวนทางเศรษฐกิจในระยะสั้นๆ และน่าจะยังคงอยู่ไปอย่างน้อยอีกเป็น 10 ปี” กันแทนต่างหาก!

และนี่ก็คือปรัชญาและแนวคิดของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Jeff Bezos ที่ได้เคยกล่าวถึงความลับของเขาเอาไว้ โดยสิ่งที่เขาได้ถ่ายทอดไว้นั้นสามารถประยุกต์ได้กับทั้งเรื่องชีวิต, ธุรกิจ และการลงทุนเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันก็คงไม่ใช้เรื่องที่แปลกนัก เพราะพวกเราหลายคนอาจไม่รู้ว่าในอดีตเมื่อกว่า 20 ปีมาแล้วนั้น เขาเคยทำงานอยู่ใน สุดยอดกองทุน Hedge Fund สาย Quant ที่ชื่อว่า D.E. Shaw และขึ้นดำรงตำแหน่ง Vice Presidents ในเวลาเพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น ก่อนที่จะลาออกมาก่อตั้งบริษัท Amazon จนทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในในปัจจุบันนั่นเอง!

โดยที่ Jeff Bezos ได้กล่าวเอาไว้ว่า

“มักจะมีคนถามผมว่า : “อะไรคือสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปนับจากนี้อีก 10 ปี?” ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นคำถามที่ยอดฮิตที่น่าสนใจมากๆ อย่างไรก็ตาม แทบไม่มีคนถามผมเลยว่า : “อะไรคือสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงไปนับจากนี้อีก 10 ปี?” ซึ่งเอาจริงๆแล้วผมอยากบอกว่าคำถามที่สองนั้นเป็นคำถามที่สำคัญกว่ามาก นั่นก็เพราะมันทำให้คุณสามารถวางแผนการณ์และกลยุทธ์ในระยะยาว บนสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงไปมาตามกาลเวลาได้นั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น สำหรับธุรกิจค้าปลีกของเรานั้น เรารู้ว่าลูกค้านั้นชอบของถูก และผมรู้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ยังจะเป็นจริงไปอีก 10 ปีต่อจากนี้ นอกจากนี้พวกเขายังชอบการส่งของที่รวดเร็ว และพวกเขายังชอบที่จะมีของมากมายให้เลือกซื้ออีกด้วย

ผมคิดว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่อีก 10 ปีต่อจากนี้ลูกค้าจะเดินเข้ามาผมแล้วบอกว่า “Jeff ผมรัก Amazon นะ แต่ผมก็แค่หวังว่าราคาของสิ่งต่างๆจะแพงขึ้นอีกสักหน่อย หรือ ผมรัก Amazon นะ แต่ผมอยากให้คุณส่งของช้าลงสักหน่อย

… มันคือสิ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย!

ดังนั้นแล้ว ความพยายามทำสิ่งต่างๆของพวกเราจึงตั้งอยู่บนรากฐานเดียวกัน เพราะเรารู้ว่าพลังทุกอย่างที่เราทุ่มเทลงไปในวันนี้ จะยังคงให้ผลดีกับลูกค้าของเราในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งเมื่อคุณรู้ว่าคุณมีสิ่งที่จะเป็นจริงต่อไปในอนาคตไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถใส่ความตั้งใจทั้งหมดของคุณลงไปได้อย่างเต็มที่นั่นเองครับ”

แล้วอะไรคือสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงในโลกการลงทุนกันล่ะ?

สำหรับในแง่ของการลงทุนนั้น ผมและทีมงาน SiamQuant ทุกคนเชื่อว่าสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงไปในเร็ววัน ก็คือเรื่องของช่องว่างในการทำกำไร ที่จะเกิดขึ้นจากจุดอ่อนทางจิตวิทยาของนักลงทุนส่วนใหญ่เมื่อต้องข้องเกี่ยวกับการลงทุนนั่นเองครับ (ซึ่งหากคุณได้ศึกษาให้ลึกเข้าไป จะพบว่ามันเป็นสิ่งที่ฝังรากลึกอยู่ถึงในระดับ Gene ของเราเลยทีเดียว)

โดยหากพิจารณาจากประโยคที่ Jeff Bezos กล่าวไว้ว่า “จงพยายามมองหาและมุ่งเน้นในสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลง” นั้น เราจะเห็นได้ว่าความจริงแล้วมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากหลักของการลงทุนอย่างเป็นระบบที่ดีเลย! ซึ่งนั่นก็คือการพยายามมองหาจุดอ่อนของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดเป็นพฤติกรรมซ้ำๆของตลาดหุ้น (อาทิเช่น การเกิด Panic Sell หรือการเกิด Price Trend ขึ้นในตลาด) แล้วจึงวางกลยุทธ์หรือระบบการลงทุนเพื่อทำกำไรจากจุดอ่อนหรือความไร้ประสิทธิภาพของตลาดในรูปแบบต่างๆ (Market Anomalies) และยึดมั่นปฎิบัติตามกฎหรือระบบในการลงทุนอย่างเคร่งครัด เพื่อรอคอยโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาวกันออกมา!!

ดังนั้นแล้ว สิ่งที่คุณควรทำไม่ว่าจะในช่วงเวลานี้หรือช่วงเวลาไหนๆ จึงไม่ใช่เพียงแค่การพยายามทำนายตลาดหรือหาหุ้นตัวต่อไป แต่กลับเป็นการพยายามมองหากลยุทธ์การลงทุนที่ดี และยึดมั่นกับระบบการลงทุนของคุณเอาไว้ โดยไม่หวั่นไหวกับผลลัพธ์ในระยะสั้นๆแค่รายวัน, รายเดือน หรือรายปีจนมากเกินไปกันนั่นเอง! (เพราะความกลยุทธ์แต่ละรูปแบบในตลาดนั้น ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดอยู่ตลอดเวลาอย่างที่เรามักคิดกันหรอกนะครับ)

สุดท้ายนี้นั้น ผมก็อยากจะขอปิดท้ายบทความนี้ไว้ด้วยคำคมของ Warren Buffett ที่เคยได้กล่าวไว้ว่า …

“ไอ้การพยากรณ์ว่าวันไหนฝนจะตกจนน้ำท่วมโลกน่ะมันไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญกว่าคือคุณมีเรือโนอาห์ของคุณแล้วหรือยัง?”

หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนักลงทุนทุกคน ยังไงอย่าลืมช่วยกดไลค์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ในการเขียนบทความต่อๆไปให้ผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ 😀

Write A Comment