ไกล้จบปี 2019 กันแล้ว รู้สึกสงสัยกันบ้างไหมครับว่าเราลงทุนได้ดีแค่ไหนในปีนี้ และอันที่จริงแล้วนักลงทุนส่วนใหญ่เขาจะมีผลตอบแทนกันเป็นอย่างไรบ้าง?
ในบทความนี้ผมจะนำเอา 33 กลยุทธ์การลงทุนจากแนวคิดของเซียนหุ้นระดับโลก ซึ่งถือเป็นตัวแทน (Proxy) ของวิธีการลงทุนของนักลงทุนส่วนใหญ่มาทำการทดสอบในตลาดหุ้นไทยเพื่อวัดผลตอบแทนออกมาให้เห็นกัน เพื่อช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบผลตอบแทนของคุณได้ในมุมมองที่กว้างกว่าเพียงการเปรียบเทียบกับดัชนี SET Index ซึ่งถือเป็นตัวแทนของผลตอบแทนจากกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว
หวังว่าจะมีประโยชน์กับนักลงทุนทุกท่านครับ!
33 กลยุทธ์การลงทุนจากแนวคิดของเซียนหุ้นระดับโลก
ภาพที่ 1 : ภาพแสดงเส้น Equity ของกลยุทธ์ทั้งหมดใน SiamQuant AlphaSuite เปรียบเทียบกับดัชนี SETTRI Index (เส้นสีดำ) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2010 ถึง 2019-12-25
สำหรับการรีวิวผลตอบแทนของกลยุทธ์การลงทุนทั้ง 33 รูปแบบในบทความนี้นั้น ผมได้นำเอากลยุทธ์การลงทุนจากแนวคิดของเซียนหุ้นชื่อดังต่างๆที่ผมและทางทีมงาน SiamQuant ได้เคยวิจัย และเผยแพร่ชุด Code Template เอาไว้ใน SiamQuant Amibroker’s AlphaSuite มาทำการทดสอบถึงผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทยกันออกมา โดยที่เราสามารถที่จะแบ่งกลยุทธ์ต่างๆออกเป็น 5 กลุ่มหลักๆ ตามแนวทางและปรัชชญาการลงทุนที่แตกต่างกันไปดังต่อไปนี้
- Momentum/Trend Following : แนวคิดการลงทุนที่พิจารณาที่ความแข็งแกร่งและแนวโน้มของราคาหุ้นเป็นหลัก โดยในแต่ละกลยุทธ์นั้นก็จะมีแนวคิดและใช้เครื่องมือทางเทคนิคในการวิเคราะห์ที่แตกต่างกันออกไป อาทิเช่น กลยุทธ์ขง Jesse Livermore, Mark Minervini รวมถึง Mangmao All-Time-High ที่ผมเคยได้เผยแพร่เอาไว้
- Growth Investing : แนวคิดการลงทุนที่พิจารณาแนวโน้มการเติบโตของกิจการจากข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นของกิจการที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง อาทิเช่นกลยุทธ์การค้นหาหุ้น 10 เด้งของ Peter Lynch
- Value Investing : แนวคิดการลงทุนแนวหุ้นคุณค่าที่พยายามหาหุ้นที่มีราคาตลาดต่ำกว่าราคาเหมาะสม (Intrisic Value) โดยในแต่ละกลยุทธ์นั้นก็จะมีแนวคิดและวิธีการคำนวนราคาเหมาะสมจากข้อมูลปัจจัยพื้นฐานที่แตกต่างกันออกไป อาทิเช่น กลยุทธ์ Buffettology ของ Marry Buffett, NCAV ของ Benjamin Graham หรือ Enterprise Multiple ของ Tobias Carlisle
- Dividend Investing : แนวคิดการลงทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มหุ้นที่ให้เงินปันผลสูง อาทิเช่นกลยุทธ์หุ้นปันผล 10-11-12 ของ Marc Lichtenfeld หรือ Chowder Rule ของ Lowell Miller
- Hybrid Investing : แนวคิดการลงทุนแบบผสมผสาน โดยใช้ทั้งการวิเคราะห์แนวโน้มราคาหุ้นด้วยปัจจัยเทคนิค, การวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของกิจการ และ การวิเคราะห์ราคาเหมาะสมจากข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน โดยในแต่ละกลยุทธ์การลงทุนนั้นก็จะมีแนวคิดการผสมผสานปัจจัยต่างๆที่แตกต่างกันออกไป อาทิเช่น CANSLIM ของ O’Neil, Earning Surprise Breakout ของ Driehaus และ Zulu Principle ของ Jim Slater
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ากลยุทธ์การลงทุนในแนวทางต่างๆนี้นั้น ก็ค่อนข้างที่จะเพียงพอต่อการทำให้เราได้เห็นถึงภาพรวมของผลตอบแทนของนักลงทุนส่วนบุคคลกันส่วนใหญ่ได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากพวกมันถือได้ว่าเป็นแนวทางหลักๆที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทยได้นำเอามาปรับใช้กันอย่างกว้างขวางนั่นเองครับ
สถิติผลตอบแทนในภาพรวมของ 33 กลยุทธ์การลงทุนในปี 2019
สำหรับการทดสอบกลยุทธ์การลงทุนต่างๆเพื่อวัดผลตอบแทนในบทความนี้นั้น เพื่อให้ผลลัพธ์นั้นได้สะท้อนถึงข้อจำกัดและสภาพแวดล้อมต่างๆของนักลงทุนส่วนบุคคลหรือรายย่อยในตลาดหุ้นไทยจนเกิดความสมจริงในระดับหนึ่งนั้น ผมได้ทำการทดสอบกลยุทธ์โดยกำหนดเงื่อนไขต่างๆในระดับอ่อนเอาไว้ดังนี้ (Mild Backtesting Restriction & Environment)
Condition | Details |
Backtesting Window |
|
Backtesting Restriction |
|
Universe |
|
Entry |
|
Exit |
|
Filters |
|
Position Size |
|
Position Score |
|
Order Management |
|
ตารางที่ 1 : ตารางแสดงเงื่อนไขสำหรับการทดสอบกลยุทธ์การลงทุนทั้ง 33 กลยุทธ์การลงทุนใน SiamQuant AlphaSuite
โดยหลังจากที่เราได้กำหนดเงื่อนไขการทดสอบต่างๆไว้เรียบร้อยแล้วนั้น ผมและทางทีมงาน SiamQuant ก็ได้ค่อยๆไล่ Backtest กลยุทธ์การลงทุนต่างๆใน SiamQuant AlphaSuite กันออกมา ซึ่งพวกมันก็ได้แสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนในปี 2019 ออกมาในภาพรวมดังนี้ (ใครมึนกับข้อมูลให้ข้ามไปอ่านช่วงสรุปประเด็นได้เลยนะครับ :D)
ภาพที่ 2 : ภาพแสดงเส้น Equity ของกลยุทธ์ทั้งหมดใน SiamQuant AlphaSuite เปรียบเทียบกับดัชนี SETTRI Index (เส้นสีดำ) ตั้งแต่วันที่ 2019-01-01 ถึง 2019-12-25
ภาพที่ 3 : Bar Chart แสดงผลกำไร (Net Profit) ของกลยุทธ์ทั้งหมดใน SiamQuant AlphaSuite เปรียบเทียบกับดัชนี SETTRI Index (เส้นสีดำ) ตั้งแต่วันที่ 2019-01-01 ถึง 2019-12-25
(ตารางสามารถคลิ้กที่ชื่อกลยุทธ์สีเขียวเพื่ออ่านบทความเพิ่มเติมได้ครับ)
System | Net Profit (%) | Maximum Drawdown (%) | Longest Drawdown (Months) | Correlation with SET Index |
SETTRI Index | 3.81 | -9.95 | 5.76 | 0.99 |
SQ Simple MACD | -18.8 | -21.42 | 8.04 | 0.02 |
SQ PE Band | -8.4 | -18.03 | 5.33 | 0.67 |
SQ Livermore | -1.8 | -5.29 | 4.47 | 0.27 |
SQ Elder Triple Screen With Force index | -14.68 | -15.63 | 8.14 | 0.48 |
SQ Elder Triple Screen With Force index (Modified) | 0.7 | -10.41 | 4.28 | 0.43 |
SQ Elder Triple Screen With MACD | -2.59 | -15.74 | 5.38 | 0.55 |
SQ Elder Triple Screen With MACD (Modified) | -1.97 | -14.13 | 4.67 | 0.55 |
SQ Buffettology | -1.59 | -8.66 | 4.8 | 0.66 |
SQ Buffettology (Modified) | -3.96 | -12.46 | 7.62 | 0.68 |
SQ TenBagger | 1.38 | -4.09 | 7.6 | 0.05 |
SQ TenBagger (Modified) | -7.07 | -16.64 | 4.95 | 0.71 |
SQ F-Score | -12.45 | -20.49 | 9.71 | 0.60 |
SQ CANSLIM | -0.81 | -1.967 | 9.19 | 0.37 |
SQ CANSLIM (Modified) | 5.13 | -8.42 | 3.52 | 0.62 |
SQ Mangmao ATH | 6.51 | -9.62 | 5.42 | 0.47 |
SQ Mangmao ATH with SET Filter | 7.65 | -15.12 | 5.42 | 0.38 |
SQ 52 Week High | -3.15 | -13.24 | 5.8 | 0.12 |
SQ NCAV Graham | -13.1 | -26.29 | 7.57 | 0.35 |
SQ Enterprise Multiple | -14.17 | -21.76 | 8.04 | 0.77 |
SQ Fibo Triple Moving Average | -15.45 | -16.36 | 10.23 | 0.67 |
SQ Marc Lichtenfeld 10-11-12 | -2.89 | -19.99 | 4.95 | 0.72 |
SQ Turtle Trading Signals | -11.02 | -19.41 | 5.8 | 0.48 |
SQ Z-Score 1968 | -11.04 | -16.44 | 4.95 | 0.65 |
SQ Z-Score 1985 | -10.42 | -17.75 | 4.81 | 0.65 |
SQ Minervini Trend template | 7.31 | -7.86 | 2.09 | 0.57 |
SQ Shareholder’s Yield | -24.92 | -20.56 | 9.90 | 0.29 |
SQ Magic Formula | -13.49 | -20.56 | 9.71 | 0.71 |
SQ Rinen System | -2.69 | -14.45 | 4.95 | 0.76 |
SQ ZULU Principle | -5.98 | -6.51 | 11.28 | 0.46 |
SQ Chowder Rule | -4.92 | -17.74 | 5.85 | 0.74 |
SQ Oberweis Octagon | -14.82 | -18.07 | 9.52 | 0.26 |
SQ EdSeyKoTa | -10.8 | -20.62 | 5.38 | 0.54 |
SQ Earning Surprise Direhaus | 8.48 | -5.85 | 4.85 | 0.63 |
ตารางที่ 2 : ฺตารางค่าสถิติสำคัญของ 33 กลยุทธ์ใน AlphaSuite เปรียบเทียบกับดัชนี SETTRI Index ตั้งแต่ต้นปี 2019 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2019
โดยจากผลการทดสอบกลยุทธ์การลงทุนทั้ง 33 รูปแบบในปี 2019 นั้น เราสามารถที่จะสรุปประเด็นต่างๆที่น่าสนใจต่างๆได้ดังนี้
สรุปประเด็นที่น่าสนใจของผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจาก 33 กลยุทธ์การลงทุนในปี 2019
1. กลยุทธ์การลงทุนส่วนใหญ่นั้นขาดทุนและแพ้ตลาดในปี 2019
โดยจากกลยุทธ์การลงทุนทั้ง 33 รูปแบบนั้นพบว่าในปีนี้มีเพียง 7 กลยุทธ์เท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก (Positive Return) และมีเพียง 5 กลยุทธ์เท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าผลตอบแทนของ SETTRI Index ซึ่งก็คือ
- กลยุทธ์การลงทุนหุ้บเติบโตผสานโมเมนตัม Earning Surprise Breakout ของ Richard Driehaus ซึ่งให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก +8.48 %
- กลยุทธ์การลงทุนแมงเม่า All Time High with SET Filter โดยมดแมงเม่าคลับ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก +7.65%
- กลยุทธ์การลงทุนตามแนวโน้มของ Mark Minervini Trend Template ซึ่งให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก +7.31%
- กลยุทธ์การลงทุนแมงเม่า All Time High ของ โดยมดแมงเม่าคลับ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก+6.51%
- กลยุทธ์การลงทุนหุ้บเติบโตผสานโมเมนตัม CANSLIM ของ William J. O’neil ที่ปรับปรุงโดยทีมงาน SiamQuant ซึ่งให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก +5.13%
หมายเหตุ 1 : สำหรับการทดสอบกลยุทธ์การลงทุนส่วนใหญ่ในแนวทางต่างๆในครั้งนั้น จะอยู่ในรูปแบบของการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงออกไปในหุ้นหลายๆตัว ดังนั้นแล้ว มันจึงอาจเป็นไปได้ที่กลยุทธ์บางรูปแบบจะยังสามารถให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกแทนที่จะติดลบ ในกรณีที่ใช้การลงทุนแบบโฟกัสในหุ้นไม่กี่ตัวและโชคดีพอที่หุ้นเหล่านั้นจะถือเป็น Outlier ที่ให้ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมก็เป็นได้
2. Momentum/Long-Term Trend Following คือกลยุทธ์ที่โดดเด่นในปี 2019 นี้
ในแง่ของกลุ่มกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในปีนี้นั้น พบว่าพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่มีความเป็นกลยุทธ์แบบ Momentum หรือ Trend Following ที่เน้นการเกาะแนวโน้มขาขึ้นใหญ่ๆทั้งสิ้น!
โดยมีสาเหตุหลักเนื่องจากจุดเด่นของกลยุทธ์ประเภท Long-Term Trend Following นั้นคือ การเลือกลงทุนในช่วงที่หุ้นมีแนวโน้มราคาเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน และหลีกเลี่ยงการถือครองหุ้นที่อยู่ในขาลง ซึ่งในปีนี้นั้นตลาดค่อนข้างมีความผันผวนสูงและไร้ทิศทางในภาพใหญ่ โดยที่ในช่วงครึ่งปีแรกนั้นตลาดได้มีแนวโน้มในระยะสั้นและกลางเป็นขาขึ้น ทำให้กลยุทธ์ได้กำไรจากหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดซึ่งมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดได้กลับตัวเป็นทิศทางขาลง กลยุทธ์แบบ Trend Following จึงเกิดกลไกในการทยอยขายหุ้นออกมา
ด้วยสภาวะเช่นนี้เอง จึงทำให้กลยุทธ์แบบ Trend Following เกิดความเสียน้อยกว่ากลยุทธ์ประเภทอื่นๆในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากไม่ได้ถือครองหุ้นอยู่จนเต็มพอร์ตอยู่ตลอดเวลาเหมือนกลยุทธ์ประเภทอื่นๆนั่นเอง
3. ปี 2019 คือปีที่ไม่เอื้ออำนวยสำหรับกลยุทธ์ที่ใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นองค์ประกอบหลักในการลงทุน
โดยที่ในปี 2019 นี้นั้น กลยุทธ์การลงทุนที่อาศัยปัจจัยพื้นฐานเป็นองค์ประกอบในการวิเคราะห์หุ้นเป็นหลักต่างก็ให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดทั้งสิ้น! ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ประเภท
- ปัจจัยด้านการเติบโตของบริษัท (Growth)
- ปัจจัยเชิงคุณค่า (Value)
- ปัจจัยด้านคุณภาพของบริษัท (Quality)
- ปัจจัยด้านเงินปันผล (Dividend)
โดยจากการตรวจสอบเพิ่มเติมนั้น พวกเราทีมงาน SiamQuant ได้พบว่าในปี 2019 นี้ ปัจจัยขับเคลื่อนผลตอบแทนในเชิงปัจจัยพื้นฐานนั้น (Fundamental Factors) ต่างก็ด้อยประสิทธิภาพลงในตลาดหุ้นไทย โดยพบว่ากลุ่มหุ้นที่ประกาศผลกำไรเติบโตก็กลับมักถูกเทขายทำกำไรออกมาอย่างรุนแรง หรือแม้แต่กลุ่มหุ้นที่มีราคาถูก (เมื่อเทียบกับมูลค่าของมัน) ก็มักที่จะไม่ได้รับความสนใจหรือยังคงถูกเทขายออกมาจนทำให้ราคาหุ้นส่วนใหญ่ไม่สามารถวิ่งขึ้นไปได้สักเท่าไหร่นัก
ดังนั้นแล้ว หากคุณลงทุนด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่อ้างอิงปัจจัยเหล่านี้แล้วได้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดนั้น มันจึงอาจไม่ได้เป็นเพราะแนวคิดการลงทุนหรือกลยุทธ์คุณนั้นย่ำแย่หรือหมดประสิทธิภาพลงไป แต่เป็นเพราะว่าในปีนี้นั้นปัจจัยขับเคลื่อนผลตอบแทนของกลยุทธ์ในเชิงพื้นฐานในช่วงเวลานี้นั้นยังไม่ได้แสดงประสิทธิภาพกันออกมาอย่างเต็มที่ในช่วงเวลานี้ก็เป็นได้ (Underperformance Period)
บทสรุปการรีวิวผลตอบแทนของ 33 กลยุทธ์การลงทุนจากแนวคิดของเซียนหุ้นระดับโลก ในตลาดหุ้นไทยในปี 2019
จากข้อมูลผลตอบแทนของทั้ง 33 กลยุทธ์ที่เกิดขึ้นในปี 2019 นี้นั้น เราจึงสามารถสรุปได้ว่าในภาพรวมนั้นกลยุทธ์การลงทุนส่วนใหญ่ได้ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างย่ำแย่ในตลาดหุ้นไทย โดยมีเพียงกลุ่มกลยุทธ์ที่ใช้ปัจจัยแบบ Momentum/Long-Term Trend Following หรือการลงทุนไปตามแนวโน้มของราคาในระยะกลางถึงยาวเท่านั้น ที่ได้ให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดได้อย่างชัดเจนในปีนี้ และนั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมมันจึงเป็นปีที่ยากและหินสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เราคงต้องขอเน้นย้ำอีกครั้งว่าสำหรับกลยุทธ์ที่ขาดทุนหรือแพ้ตลาดในปีนี้หลายๆกลยุทธ์นั้น อาจไม่ได้แปลว่ามันถือเป็นกลยุทธ์ที่ไร้ประสิทธิภาพหรือย่ำแย่ไปแล้วแต่อย่างใดก็ได้ เนื่องจากทุกกลยุทธ์นั้นย่อมต้องมีช่วงเวลาที่ดีและร้าย รวมถึงช่วงเวลาที่เอื้ออำนวยและไม่เอื้ออำนวยกับสภาวะตลาดของมันกันทั้งสิ้น และนี่เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในบางช่วงเวลาอยู่เสมอ
ดังนั้น ในที่สุดแล้วการมีความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของกลยุทธ์อย่างถูกต้องและลึกซึ้ง, การบริหารผลตอบแทนและความเสี่ยง รวมถึงการมีวินัยในการลงทุนให้สามารถปฎิบัติตามหลักการและกลยุทธ์ที่ดีได้จนตลอดรอดฝั่งนั้น จึงยังเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอยู่เสมอในการลงทุนนั่นเอง
และนี่ก็คือบทสรุปการรีวิวผลตอบแทนของ 33 กลยุทธ์การลงทุนจากแนวคิดของเซียนหุ้นระดับโลก ในตลาดหุ้นไทยในปี 2019 นี้ หวังว่าจะมีประโยชน์กับนักลงทุนทุกท่านครับ 😀
ข่าวประชาสัมพันธ์สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนอย่างเป็นระบบด้วยตัวของคุณเอง
📢🤖 โปรโมชั่นส่วนลดพร้อมโบนัสจัดเต็มส่งท้ายปีเก่า ให้คุณได้เริ่มต้นการลงทุนอย่างเป็นระบบด้วยตัวของคุณเองในปีหน้า กับบริการ SiamQuant AlphaSuite ฐานข้อมูลราคาหุ้นพร้อมปัจจัยพื้นฐาน และคลังชุดโค้ดระบบการลงทุนสำหรับโปรแกรม Amibroker หมดเขต 31 ธันวาคม 2019 นี้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ครับ