องค์ความรู้จากการลงทุนอย่างเป็นระบบ

รีวิวผลตอบแทน 40 กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยประจำปี ค.ศ. 2022

SiamQuant Team
ติดตามพวกเรา

สำหรับปี ค.ศ. 2022 นั้นเป็นปีที่ดัชนี SETTRI Index มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.53% หรือมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ในภาพรวมพบว่ากลุยทธ์ส่วนมากนั้นให้ผลตอบแทนที่เป็นลบและต่ำกว่าตลาด

โดยในการรีวิวนี้ผมได้นำ 40 กลยุทธ์การลงทุนใน SiamQuant AlphaSuite ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่สร้างขึ้นมาโดยยึดหลักการแนวคิดของเซียนหุ้นระดับโลก มาเป็นตัวแทน (Proxy) ของกลยุทธ์การลงทุนที่นักลงทุนส่วนใหญ่มักใช้กัน และนำมาทำการทดสอบในตลาดหุ้นไทยให้เพื่อนๆพี่น้องๆนักลงทุนได้เห็นถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์การลงทุนในแต่ละแนวทางที่แตกต่างกัน

ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถที่จะเปรียบเทียบผลตอบแทนของตัวคุณเอง ได้ในมุมมองที่กว้างกว่าเพียงการเปรียบเทียบกับดัชนี SET Index ซึ่งถือเป็นตัวแทนของผลตอบแทนจากกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว โดยผมหวังว่าจะมีประโยชน์กับนักลงทุนทุกท่านครับ!

40 กลยุทธ์การลงทุนจากแนวคิดของเซียนหุ้นระดับโลก

ภาพที่ 1 : ภาพแสดงเส้น Equity ของกลยุทธ์ทั้งหมดใน SiamQuant AlphaSuite เปรียบเทียบกับดัชนี SETTRI Index (เส้นสีดำ) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2013-01-01 ถึง 2022-12-30

สำหรับการรีวิวผลตอบแทนของกลยุทธ์การลงทุนทั้ง 40 รูปแบบในบทความนี้นั้น ผมได้นำเอากลยุทธ์การลงทุนจากแนวคิดของเซียนหุ้นชื่อดังต่างๆที่ผมและทางทีมงาน SiamQuant ได้เคยวิจัย และเผยแพร่ชุด Code Template เอาไว้ใน SiamQuant Amibroker’s AlphaSuite มาทำการทดสอบถึงผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทยกันออกมา โดยที่เราสามารถที่จะแบ่งกลยุทธ์ต่างๆออกเป็น 5 กลุ่มหลักๆ ตามแนวทางและปรัชชญาการลงทุนที่แตกต่างกันไปดังต่อไปนี้

  • Momentum/Trend Following : แนวคิดการลงทุนที่พิจารณาที่ความแข็งแกร่งและแนวโน้มของราคาหุ้นเป็นหลัก โดยในแต่ละกลยุทธ์นั้นก็จะมีแนวคิดและใช้เครื่องมือทางเทคนิคในการวิเคราะห์ที่แตกต่างกันออกไป อาทิเช่น กลยุทธ์ของ Jesse Livermore, Mark Minervini รวมถึง Mangmao All-Time-High ที่เราเคยได้เผยแพร่เอาไว้
  • Growth Investing : แนวคิดการลงทุนที่พิจารณาแนวโน้มการเติบโตของกิจการจากข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นของกิจการที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง อาทิเช่นกลยุทธ์การค้นหาหุ้น 10 เด้งของ Peter Lynch
  • Value Investing : แนวคิดการลงทุนแนวหุ้นคุณค่าที่พยายามหาหุ้นที่มีราคาตลาดต่ำกว่าราคาเหมาะสม (Intrisic Value) โดยในแต่ละกลยุทธ์นั้นก็จะมีแนวคิดและวิธีการคำนวนราคาเหมาะสมจากข้อมูลปัจจัยพื้นฐานที่แตกต่างกันออกไป อาทิเช่น กลยุทธ์ Buffettology ของ Marry Buffett, NCAV ของ Benjamin Graham หรือ Enterprise Multiple ของ Tobias Carlisle
  • Dividend Investing : แนวคิดการลงทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มหุ้นที่ให้เงินปันผลสูง อาทิเช่นกลยุทธ์หุ้นปันผล 10-11-12 ของ Marc Lichtenfeld หรือ Chowder Rule ของ Lowell Miller
  • Hybrid Investing  : แนวคิดการลงทุนแบบผสมผสาน โดยใช้ทั้งการวิเคราะห์แนวโน้มราคาหุ้นด้วยปัจจัยเทคนิค, การวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของกิจการ และ การวิเคราะห์ราคาเหมาะสมจากข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน โดยในแต่ละกลยุทธ์การลงทุนนั้นก็จะมีแนวคิดการผสมผสานปัจจัยต่างๆที่แตกต่างกันออกไป อาทิเช่น CANSLIM ของ O’Neil, Earning Surprise Breakout ของ Driehaus และ Zulu Principle ของ Jim Slater

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ากลยุทธ์การลงทุนในแนวทางทั้ง 5 นั้น ก็ค่อนข้างที่จะเพียงพอต่อการทำให้เราได้เห็นถึงภาพรวมของผลตอบแทนของนักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากพวกมันถือได้ว่าเป็นแนวทางหลักๆที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทยได้นำเอามาปรับใช้กันอย่างกว้างขวางนั่นเองครับ 

สถิติผลตอบแทนในภาพรวมของ 40 กลยุทธ์การลงทุนของปี ค.ศ. 2022

สำหรับการทดสอบกลยุทธ์การลงทุนต่างๆเพื่อวัดผลตอบแทนในบทความนี้ เพื่อให้ผลลัพธ์นั้นได้สะท้อนถึงข้อจำกัดและสภาพแวดล้อมต่างๆของนักลงทุนส่วนบุคคลหรือรายย่อยในตลาดหุ้นไทยจนเกิดความสมจริงในระดับหนึ่ง ผมจึงได้ทำการทดสอบกลยุทธ์กำหนดเงื่อนไขต่างๆในระดับที่ไม่ได้เข้มงวดมากนัก ดังต่อไปนี้ (Mild Backtesting Restriction & Environment)

Condition Details
Backtesting Window
  • 01/01/2013 – 30/12/2022
Backtesting Restriction
  • เงินทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท
  • อัตราค่า Commission 0.15% (รวมซื้อขาย 0.3%)
  • Long Only
  • ทดสอบบนฐานข้อมูล SiamQuant Hybrid Database  ที่รวมเงินปันผล
Universe
  • All Stocks หุ้นทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์
Entry
  • ตามแนวคิดของแต่ละระบบ
Exit
  • ตามแนวคิดของแต่ละระบบ
Filters
  • กรองข้อมูลที่มีความผิดพลาดออกด้วย SQDataFilter(0)
Position Size
  • ตามแนวคิดของแต่ละระบบ
Position Score
  • ตามแนวคิดของแต่ละระบบ
Order Management
  • ทำการซื้อขายราคาเปิด (Open) ของวันถัดไปของวันที่เกิดสัญญาณ)

ตารางที่ 1 : ตารางแสดงเงื่อนไขสำหรับการทดสอบกลยุทธ์การลงทุนทั้ง 40 ระบบใน AlphaSuite

โดยหลังจากที่เราได้กำหนดเงื่อนไขการทดสอบต่างๆไว้เรียบร้อยแล้วนั้น ผมและทางทีมงาน SiamQuant ก็ได้ค่อยๆไล่ Backtest กลยุทธ์การลงทุนต่างๆใน AlphaSuite กันออกมา จากนั้นจึงนำผลลัพธ์ที่ได้มาทำการคิดผลตอบแทนเฉพาะช่วงปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมาดังนี้ (ใครมึนกับข้อมูลให้ข้ามไปอ่านช่วงสรุปประเด็นได้เลยนะครับ :D)

ภาพที่ 2 : ภาพแสดงเส้น Equity ของกลยุทธ์ทั้งหมดใน SiamQuant AlphaSuite เปรียบเทียบกับดัชนี SETTRI Index (เส้นสีดำ) ตั้งแต่วันที่ 2022-01-01 ถึง 2022-12-30

ภาพที่ 3 : Bar Chart แสดงผลกำไร (Net Profit) ของกลยุทธ์ทั้งหมดใน SiamQuant AlphaSuite เปรียบเทียบกับดัชนี SETTRI Index (เส้นสีดำ) ตั้งแต่วันที่ 2022-01-01  ถึง 2022-12-30

System Net Profit (%)
SQ Elder Triple Screen With Force index (Modified) 9.65
SQ Elder Triple Screen With Force index 7.2
SQ Oberweis Octagon 5.76
SETTRI Index 3.53
SQ ZULU Principle 1.47
SQ TenBagger 0.87
SQ CANSLIM -0.36
SQ Rinen System -1.42
SQ Chowder Rule -1.71
SQ Livermore -5.34
SQ Kenneth Fisher Growth Stock -6.1
SQ Larry William OOPs -8.11
SQ Buffettology -8.35
SQ F-Score -8.84
SQ NCAV Graham -9.09
SQ Earning Surprise Direhaus -9.49
SQ 52 Week High -10.08
SQ PE Band -10.32
SQ Buffettology (Modified) -10.54
SQ Walter Schloss -10.91
SQ Z-Score 1968 -11.44
SQ Z-Score 1985 -13.19
SQ The Golden Goose -13.86
SQ Fibo Triple Moving Average -14.55
SQ TenBagger (Modified) -15.2
SQ Enterprise Multiple -16.88
SQ Marc Lichtenfeld 10-11-12 -19.08
SQ Magic Formula -19.86
SQ Simple MACD -20.31
SQ Elder Triple Screen With MACD -20.5
SQ Tiny Titan -20.71
SQ Elder Triple Screen With MACD (Modified) -21.58
SQ Turtle Trading Signals -25.58
SQ CANSLIM (Modified) -25.88
SQ Shareholder Yield -26.75
SQ Minervini Trend template -28.77
SQ EdSeyKoTa -32.35
SQ MACD-ATH -33.25
SQ Mangmao ATH -33.82
SQ Mangmao ATH with SET Filter -44.15
SQ Darvas -47.74

ตารางที่ 2 : ฺตารางผลตอบแทนของ 40 กลยุทธ์ใน AlphaSuite เปรียบเทียบกับดัชนี SETTRI Index ในช่วงปี ค.ศ. 2022

โดยจากผลการทดสอบกลยุทธ์การลงทุนทั้ง 40 เราสามารถที่จะสรุปประเด็นต่างๆที่น่าสนใจต่างๆได้ดังนี้

หมายเหตุที่ 1 : สำหรับผลการทดสอบดังกล่าวเกิดจากการทดสอบระยะยาว 10 ปี แล้วจึงทำการตัดผลตอบแทนเฉพาะเดือนปี ค.ศ. 2022 มาทำการประเมินประสิทธิภาพนี้ ซึ่งผลลัพธ์อาจจะมีความแตกต่างจากการทดสอบเฉพาะช่วงระยะเวลาดังกล่าว เนื่องจากการทดสอบในระยะยาวจะมีหุ้นบางส่วนที่อยู่ในพอร์ตโฟลิโอมาตั้งแต่ก่อนปี ค.ศ. 2022 นั่นเองครับ

สรุปประเด็นที่น่าสนใจของผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจาก 40 กลยุทธ์การลงทุนในปี ค.ศ. 2022 

จากกลยุทธ์การลงทุนทั้ง 40 รูปแบบนั้นพบว่าในปีนี้มีเพียง 5 กลยุทธ์เท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก (Positive Return) และมีเพียง 3 กลยุทธ์เท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าผลตอบแทนของ SETTRI Index ซึ่งก็คือ

  1. กลยุทธ์การลงทุน Elder Triple Screen with Force Index เวอร์ชั่นที่ปรับปรุงโดยทีมงาน SiamQuant ซึ่งให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก 9.65%
  2. กลยุทธ์การลงทุน Elder Triple Screen with Force Index จากหนังสือ Trading For A Living ของ Dr. Alexander Elder ซึ่งให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก 7.2%
  3. กลยุทธ์การลงทุนหุ้นเติบโต Oberweis Octagon ของ James W. Oberweis ซึ่งให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก +5.76%

ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนส่วนใหญ่นั้นขาดทุนและแพ้ตลาดในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลยุทธ์ประเภท Momentum หรือ Trend Following  ที่เน้นการเกาะไปกับแนวโน้มขาขึ้นใหญ่ของหุ้น เนื่องจากสภาพตลาดที่มีการปรับตัวขึ้นลงในกรอบแคบๆ (Sideway) ในปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งภาวะดังกล่าวหุ้นมักจะไม่ได้มีแนวโน้มที่ชัดเจนจนทำให้เกิด False Signal หรือ Whipsaw ได้ง่าย โดยถึงแม้ว่าจะมีกลยุทธ์ประเภทดังกล่าวที่ส่วนน้อยนั้นให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกและสูงกว่าตลาดจากการที่หุ้นบางตัวในพอร์ตโฟลิโอมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากจนทำให้การเคลื่อนไหวของพอร์ตโฟลิโอขึ้นอยู่กับหุ้นเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ในภาพรวมกลยุทธ์ประเภทนี้นั้นมักจะให้ผลตอบแทนที่ติดลบและต่ำกว่ากลยุทธ์ประเภทอื่นๆ 

นอกจากนี้แล้ว สำหรับกลยุทธ์การลงทุนประเภทอื่นๆที่อาศัยปัจจัยพื้นฐานเป็นองค์ประกอบในการวิเคราะห์หุ้นเป็นหลักต่างไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ประเภทที่ลงทุนจากปัจจัยด้านการเติบโตของบริษัท (Growth), ปัจจัยเชิงคุณค่า (Value), ปัจจัยด้านคุณภาพของบริษัท (Quality) และปัจจัยด้านเงินปันผล (Dividend) ต่างก็ให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดทั้งสิ้น 

ดังนั้นแล้ว หากคุณลงทุนด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่อ้างอิงปัจจัยเหล่านี้แล้วได้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดนั้น มันจึงอาจไม่ได้เป็นเพราะแนวคิดการลงทุนหรือกลยุทธ์คุณนั้นย่ำแย่หรือหมดประสิทธิภาพลงไป แต่เป็นเพราะว่าในปีนี้นั้นปัจจัยขับเคลื่อนผลตอบแทนของกลยุทธ์ในช่วงเวลานี้นั้นยังไม่ได้แสดงประสิทธิภาพกันออกมาอย่างเต็มที่ในช่วงเวลานี้ก็เป็นได้ (Underperformance Period

หมายเหตุ 2 : สำหรับการทดสอบกลยุทธ์การลงทุนส่วนใหญ่ในแนวทางต่างๆในครั้งนั้น จะอยู่ในรูปแบบของการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงออกไปในหุ้นหลายๆตัว ดังนั้นแล้ว มันจึงอาจเป็นไปได้ที่กลยุทธ์บางรูปแบบจะยังสามารถให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกแทนที่จะติดลบ ในกรณีที่ใช้การลงทุนแบบโฟกัสในหุ้นไม่กี่ตัวและโชคดีพอที่หุ้นเหล่านั้นจะถือเป็น Outlier ที่ให้ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมก็เป็นได้

บทสรุปการรีวิวผลตอบแทนของ 40 กลยุทธ์การลงทุนจากแนวคิดของเซียนหุ้นระดับโลก ในตลาดหุ้นไทยในปี ค.ศ. 2022 

จากข้อมูลผลตอบแทนของทั้ง 40 กลยุทธ์ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2022 นี้นั้นสามารถสรุปได้ว่าในภาพรวมนั้นกลยุทธ์การลงทุนส่วนใหญ่ได้ให้ผลตอบแทนที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับดัชนี SETTRI Index โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลยุทธ์ที่ใช้ปัจจัยแบบ Momentum/Long-Term Trend Following หรือการลงทุนไปตามแนวโน้มของราคาในระยะกลางถึงยาวเท่านั้น เนื่องจากสภาวะของตลาดนั้นไม่ได้มีแนวโน้มที่ชัดเจน และนั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมมันจึงเป็นปีที่ยากและหินสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เราคงต้องขอเน้นย้ำอีกครั้งว่าสำหรับกลยุทธ์ที่ขาดทุนหรือแพ้ตลาดในปีนี้หลายๆกลยุทธ์นั้น อาจไม่ได้แปลว่ามันถือเป็นกลยุทธ์ที่ไร้ประสิทธิภาพหรือย่ำแย่ไปแล้วแต่อย่างใดก็ได้ เนื่องจากทุกกลยุทธ์นั้นย่อมต้องมีช่วงเวลาที่ดีและร้าย รวมถึงช่วงเวลาที่เอื้ออำนวยและไม่เอื้ออำนวยกับสภาวะตลาดของมันกันทั้งสิ้น และนี่เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในบางช่วงเวลาอยู่เสมอ

ดังนั้น ในที่สุดแล้วการมีความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของกลยุทธ์อย่างถูกต้องและลึกซึ้ง, การบริหารผลตอบแทนและความเสี่ยง รวมถึงการมีวินัยในการลงทุนให้สามารถปฎิบัติตามหลักการและกลยุทธ์ที่ดีได้จนตลอดรอดฝั่งนั้น จึงยังเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอยู่เสมอในการลงทุนนั่นเอง

และนี่ก็คือบทสรุปการรีวิวผลตอบแทนของ 40 กลยุทธ์การลงทุนจากแนวคิดของเซียนหุ้นระดับโลก ในตลาดหุ้นไทยในปี ค.ศ. 2022 นี้ หวังว่าจะมีประโยชน์กับนักลงทุนทุกท่านครับ 😀

Write A Comment